วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ความรู้คือขุมทรัพย์

ความรู้คือขุมทรัพย์

เพื่อนๆเคยได้ยินประโยคนี้รึป่าวครับ

“ความหิวแก้ด้วยอาหาร ความเขลาแก้ด้วยการศึกษา”

สุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้เช่นนี้ ความหมายตรงตัวเลยครับเพื่อนๆ แท้จริงแล้วความรู้มีคุณค่าเหนือกว่า ทรัพย์สินของคนเราเสียอีก ที่เป็นอย่างนี้เพราะ ทรัพย์สินที่เรามีนั้นนำใช้จ่ายไม่นานก็ต้องหมดไป แต่ความรู้นั้นยิ่งเรามีมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เรารวยได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะความรู้ที่เรามีนั้นไม่มีวันหมดไปจากหัวสมองของเราอย่างแน่นอน ^ ^~

ดังนั้นการศึกษาและการสั่งสมความรู้จึงกลายเป็น กฎข้อสำคัญของนักธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จ ไม่เว้นแม้แต่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้วก็ยังต้องศึกษาหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอๆ ไม่มีใครก้าวหน้าได้หากไม่เคยสนใจโลกภายนอก และไม่มีใครสำเร็จได้มั่นคงหากเพียงแต่ชื่นชมอยู่กับสิ่งเดิมๆ ความรู้เดิมๆ ที่ตนเองมีอยู่ โดยไม่เคยแสวงหาความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆเพิ่มเติม ผมมีแง่คิดดีๆมาฝากเพื่อนๆอีกครับ

“ถ้าไม่ศึกษาเพิ่มเติมขึ้นทุกๆวัน ก็จะล้าหลังลงทุกๆวัน”

ทั้งนี้เพราะโลกของเราในปัจจุบันเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง แปลเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง และ พัฒนาอยู่ตลอดเวลา สมัยก่อนสื่อสารด้วย สัญญาณควัน ต่อมาจดหมาย ต่อมาเพจเจอร์ ต่อมาโทรศัพท์ ต่อมาอินเตอร์เน็ต และยังมีต่อๆไปอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การสื่อสารเริ่มเร็วขึ้น ง่ายขึ้น ทั้งนี้เพราะการพัฒนาทักษะและความรู้ต่างๆของมนุษย์นั่นเอง

ดังนั้นเพื่อนๆที่คิดจะทำธุรกิจ หรือทำอยู่แล้ว จำเป็นอย่างมากที่จะต้องแสวงหาความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือเพื่อนๆเคยรู้มาบ้างแล้ว แต่บางทีอาจจะยังไม่รู้จริง ต้องพร้อมที่จะเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ

เมื่อสมัยก่อนที่ผมยังเด็ก ผมเป็นเด็กหัวแข็ง ไม่ยอมรับอะไรใหม่ๆง่ายๆนู้นไม่ได้นี่ไม่ได้นั่นไม่ได้ อยู่นั่นแหละ ต้องใช้เวลาอยู่นานถึงจะยอมรับได้ แต่พอผมโตขึ้นผ่านปัญหา และเรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้น ผมก็พูดกับตัวเองว่า “ลองทำตัวง่ายๆดูดิ๊” หลังจากนั้นมาสิ่งไหนที่เป็นความรู้ หรือ ประสบการณ์ เชิงบวกใหม่ๆที่ผมเจอผมจะโดดลงไปหาทันที ผมเชื่อครับว่าหากเพื่อนๆรู้จักที่จะแสวงหาความรู้แล้ว เพื่อนไม่มีทางล้มเหลวอย่างแน่นอน

นักธุรกิจในบ้านเราหลายท่านไม่ได้จบการศึกษาในระบบการศึกษา หากแต่เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยเสวนาด้วยเราจะเห็นว่าคนๆนั้นมีความรู้มากมายเสียจนคนที่จบปริญญาเอกในสาขาหรือเรื่องราวที่เราได้คุยด้วยต้องได้อาย :P สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าแม้พวกท่านเหล่านั้นไม่ได้จบการศึกษาตามระบบหากแต่ไม่เคยปล่อยเวลาให้หมดไปอย่างเปล่าประโยชน์ ความรู้ที่ท่านคิดว่าเล็กๆน้อยๆนั้นอาจจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของท่านเองได้ในวันหนึ่ง

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ความรู้นี่เองทำให้พวกเขาเหล่านั้นประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่เพียงใบปริญญา แต่คือความรู้ที่มาจากความสนใจ และยอมรับในวิทยาการ ผมเคยได้ฟังบรรยายจากนักธุรกิจชื่อดังท่านหนึ่ง เขาบอกว่า

“การศึกษาเปรียบเสมือนพายเรือทวนน้ำ ถ้าไม่รุดหน้าก็ถอยหลัง”

ไม่ต้องมานั่งคิดเลยครับว่าใช่หรือไม่ คำตอบคือใช่และถูกต้องที่สุด อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วถ้าหากมัวแต่ชื่นชมกับความรู้และประสบการณ์เดิมๆ ไม่นานมันก็จะล้าสมัยไปแล้ว

“เมื่อคุณจะทำธุรกิจใดๆ ก็ตามหากคุณชอบและรักและพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับมันคุณจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนแต่คุณตองศึกษาอย่างเป็นจริงเป็นจังด้วย”

นี่ละคือหัวใจของความก้าวหน้า ความรู้นั่นเอง

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ธุรกิจ mlm กับ " การให้ "

หลายท่านคงสงสัย การให้ เกี่ยวอะไรกับ ธุรกิจ mlm แล้วทำไมผมถึงเขียนบทความนี้ขึ้นมา ที่หลายท่านสงสัยเพราะ ความเคยชินครับ ความเคยชินที่ว่าก็คือเราไม่เคยได้รับอะไรก่อนเลย จากธุรกิจ mlm ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นละ แล้วเราไมเคยได้อะไรก่อนเลยจริงๆหรอ เอาเป็นว่าอย่ารีบเชื่อผมครับ ลองมาฟังกัน

ทุกท่านในที่นี้คงเคยพบผู้ที่มาชักชวนท่านให้เข้าร่วมธุรกิจด้วย โดยเสนอถ้าท่านสมัครนะ ท่านจะได้อะไรต่างๆนาๆมากมาย ถ้าท่านสมัครตอนนี้ท่านจะได้โปรโมชั่นพิเศษ ถ้าท่านสมัครท่านจะได้ ฯลฯ หลายท่านคงคุ้นหูดี นักธุรกิจเหล่านั้นพยามจะให้ท่านสมัคร พยามจะเอาบางอย่างจากท่าน โดยที่เค้าเหล่านั้นไม่ได้มอบอะไรให้ท่านก่อนเลย แม้แต้น้อย เพราะอะไรทำไมนักธุรกิจเหล่านั้นถึงทำตามๆกันมาแบบนี้

ท่านอาจจะเถียงผมว่า แต่เค้าประสบความสำเร็จนะ จริงอยู่บางส่วนประสบความสำเร็จ แต่เป็นส่วนที่น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับคนที่ประสบกับความล้มเหลว ที่เป็นเช่นนี้ เพราะ พวกเค้าเหล่านี้ไม่ได้เรียนรู้ถึง “ การให้ ” ผมกล้าพูดว่าไม่มีธุรกิจ mlm ที่ใดสอนท่านถึง เรื่องนี้ ทุกที่แทบจะเหมือนกันคือ สอนแผน สอนผลิตภัณฑ์ เป็นส่วนใหญ่ แต่กลับมองข้ามสิ่งที่สำคัญ และพื้นฐานมากที่สุดนี้ไป ผมมีเรื่องเล่าสนุกๆของนักธุรกิจที่ผมชอบท่านนึงครับ เรื่องนี้ผมขอตั้งชื่อว่า

ดอกไม้ดอกเดียวของ Li Kashing
รู้จักกันไหมครับ ลี กาชิง ผมเชื่อว่าคงมีหลายท่านไม่รู้จัก แต่ไม่เป็นไรครับ ผมขออนุญาติแนะนำนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จท่านนี้สั้นๆครับ คนๆนี้เปลียบได้กับเจ้าสัวของเมืองไทย อย่างเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของเครือ ซีพี ที่หลายคนบอกว่า ธนินท์คนนี้ไร้เทียมทาน ซึ่งจากการที่ผมได้มีโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆนักในการพูดคุยกับเจ้าสัว ธนินท์ ก็ต้องยอมรับครับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ซึ่ง ลี กาชิงคนนี้ก็เป็นคนหนึ่งที่เจ้าสัวยังยกนิ้วให้และบอกว่า ลีกาชิงนั้นอยู่ในระดับสุดยอดคนหนึ่ง ลี กาชิง คนนี้หรือเจ้าพ่อเกาะฮ่องกงคนนี้ เกิดในครอบครัวที่แสนยากจน ต้องออกจากโรงเรียนกลางคันตอนอายุ 15 ปี เพื่อรับตำแหน่งที่สำคัญมากในชีวิต คือหัวหน้าครอบครัวดูแล มารดาและน้องๆ แทนบิดาที่เสียชีวิตลง

ชีวิตวัยรุ่นต้องออกหางาน ทุกอย่างเท่าที่จะหาได้เพื่อเลี้ยงครอบครัว แต่ก็ยังดีที่มีลุงเป็นเจ้าของโรงงานผลิตสายนาฬิกา ช่วยเหลือให้มีงานทำและคนอย่าง ลี กาชิง มังกรหนุ่ม คนนี้ก็ไม่เคยลืมบุญคุณของญาติท่านนี้เลย จากการทำงานอย่างหนัก เมื่ออายุได้ 30 ปี ก็รวยติดอันดับของฮ่องกงแล้ว โดยเขาเป็นเจ้าของกิจการดอกไม้พลาสติด

ซึ่งเรื่องก็มีอยู่ว่าเคล็ดลับของ ลี กาชิงคนนี้คือ “การให้ ” คุ้นๆมั้ยละครับคำนี้ :P มีลูกค้ารายหนึ่งของ ลี กาชิง สั่งดอกไม้พลายติกของเขา โดยในสัญญาระบุว่า 100 ดอก/กล่อง แต่ลี กาชิงกลับใส่ดอกไม้ลงไปเพิ่ม 1 ดอกทุกๆกล่อง เป็น 101 ดอก/กล่อง เมื่อลูกค้าได้รับของก็แปลกใจทำไม ลี กาชิง บ้าไปแล้ว หรือ นับเลขไม่เป็น จึงโทรไปถามลี กาชิง ทำไมดอกไม้ทุกกล่องถึงม่เพิ่มมา 1 ดอก ลี กาชิง ก็ตอบออกไปอย่างนอบน้อมว่า ที่ตนสั่งลูกน้องใส่ดอกไม้เพิ่มเข้าไปนั้นเพราะ เผื่อว่าลูกน้องของตนจะนับผิดพลาด และทำให้ลูกค้าเสียผลประโยชน์ คำตอบ และการกระทำของลี กาชิงนี้สงผลให้เขาได้รับออเดอร์จากลูกค้ารายนี้เพิ่มมากขึ้นเป็นระยะเวลาหลายปี

เพราะดอกไม้ดอกเดียว ^ ^


เป็นอย่างไรบ้างครับทุกท่าน ผมดีใจที่วันนี้ทุกท่านได้เรียนรู้ถึง พลังของ “การให้” ว่าจะสามารถส่งผมทางบวกแก่ผู้ให้ได้อย่างไรบ้าง ผมเชื่อมั่นมากครับว่าเพื่อนๆทุกท่าน ได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ mlm รวมถึงการดำเนินชีวิต อย่างผู้ให้ แต่ไม่ใช่ว่าจะให้ ให้ ให้ แล้ว ก็ให้อย่างเดียวนะครับ ^ ^ มันต้องมีวิธีครับ ที่จะทำให้การให้ของทุกๆท่านนั้น ส่งผลมากมายในทางบวก กลับมาสู่ตัวท่านเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ธุรกิจ mlm หรือการดำเนินชีวิต ความลับนี้สามารถเปลี่ยนตัวท่านเอง และ ชีวิตของท่านให้ดีขึ้นอย่างมากมาย แล้วผมจะมาบอกความลับนี้ในบทความต่อไป หรือ ฝากอีเมลของเพื่อนๆไว้ เพื่อรับ ความรู้ต่างๆจากเราได้ฟรี ทีมเรา Give&Rich จะสอนเพื่อนๆ ตั้งแต่ก้าวแรก จนเพื่อนๆสามารถสร้างระบบแห้งความสำเร็จของเพื่อนๆได้เองครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ความลับการสร้างระบบ "การให้ " ที่คุณไม่รู้

ธุรกิจ mlm ที่ดีที่สุด --> สมควรเป็นอย่างไร ?

ในยุคปัจจุบันต้องยอมรับครับว่ามีบริษัทเครือข่าย ถือกำเนิดขึ้นมามากมายหลายต่อหลายบริษัท และทุกบริษัทก็มีข้อดีแตกต่างกัน แต่ท่านจะรู้ได้อย่างไรครับว่า ธุรกิจ mlm ที่ดีที่สุด ไหนเหมาะสม แนวโน้มเจริญเติบโตสูง และท่านสามารถสำเร็จได้ จะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง และ ถ้าท่านเลือกได้แล้วว่าท่านจะลงทุนศึกษาและลงมือทำอย่างจริงจัง ท่านสมควรจะเริ้มต้นอย่างไรไม่ให้ผิดทาง ต้องเรียนรู้อะไีรบ้างที่สำคัญ วันนี้ผมจะมาไขความลับเหล่านี้ให้ทราบครับ

" องค์ประกอบ 7 อย่างที่ ต้องมี "

  1. Company บริษัทต้องมีความมั่นคง แข็งแรง ฐานะทางการเงินมีความมั่นคง
  2. Product สินค้าต้องมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ไม่มีคู่แข่ง สินค้าคุณภาพสูงไม่มีบริษัทไหนสามารถเลียนแบบได้
  3. Plan แผนรายได้ต้องยุติธรรม และมีรายได้ที่คุ้มค่า คนใหม่ได้เงินเร็ว คนเก่ามีความมั่นคง สามารถหยุดได้จริง
  4. Trends สิ้นค้าต้องมีแนวโน้วเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต
  5. Timing ต้องอยู่ในช่วงที่เริ่มต้นไม่นาน และอยู่ในช่วงกำลังเจริญเติบโต
  6. Team ต้องมีความเป็นมืออาชีพพอ สอนงานท่านได้จริง ช่วยเหลือท่านได้จริง มีระบบที่สุดยอด มีแรงดึงดูดมหาศาล ผลที่ได้ก็คือสำเร็จยกทีม
  7. Management ต้องมีระบบการจัดการที่เป็นมืออาชีพ ผู้บริหารงานต้องมีประสบการณ์มายาวนานในด้านธุรกิจเครือข่าย


เมื่อเราทราบถึงองค์ประกอบ 7 หลักแล้ว คาวนนี้เรามาเรียนรู้ความลับในการเริ่มต้นกับ ธุรกิจ mlm ที่ดีที่สุด ที่เราเลือกกับแบบไม่ผิดทางครับ

"ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกถูกต้องแล้ว เม็ดต่อไปจะติดถูกหมด"

คนส่วนมากมักมองการสร้างเครือข่าย เป็นการขาย100% เราจึงคิดกัันไปต่างๆนาๆเอ้เราจะไปขายใคร ถ้าฉันมีเพื่อนไม่มากละ ถ้าฉันพูดไม่เก่งละ แล้วมันจะกระทบกับงานประจำของฉันหรือป่าว ค่าตอบแทนจะคุ้มมั้ย ฉันต้องเปลี่ยนตัวเองด้วยหรือ คนใกล้ตัวที่ไม่เข้าใจจะมองฉันแบบไหน ฉันไม่อยากไปง้อใคร ฯลฯ ความคิดแบบนี้เป็นความกลัวแบบหนึ่งคือกลัวอณาคต ท่านลองคิดดูง่ายๆ ถ้าท่านยืนอยู่บนหน้าผาสูง ท่านก็จะกลัวตกจากหน้าผาสูง แต่ประเดนคือท่านตกรึยัง บางท่านก็คิดต่ออีกว่าฉันจะกลัวไว้ก่อนไม่ได้หรอ หรือ ต้องให้ตกลงมาก่อนแล้วค่อยกลัว :P คำตอบคือไม่ครับ แล้วอะไรละคำตอบ คำตอบคือวิธีการครับ วิธีการก็แบ่งออกเป็น 2 ยุคอีก

1. ยุคเก่า การแก้ปัญหาเหล่านี้จะทำโดย รีสรายชื่อคนรู้จักให้หมด ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ญาติพี่น้อง เพื่อนคนในที่ทำงานไม่เว้นแม้แต่คนเดียว และแนะนำแผน ผลิตภัณฑ์ โดยที่ท่านไม่รู้เลยว่าคนเหล่านั้นสนใจงานที่เราทำอยูู่จริงๆหรือป่าว ผลที่ตามมาคือเราก็ต้องไปง้ออยู่ดี วิธีการเหล่านี้นำไปตอบโจทย์ ความกลัวของท่านได้ครบทุกข้อเลยครับ :P ท่านไม่สามารถทำได้ ขายไม่ได้สร้างเครือข่ายไม่ได้ เพราะญาติพี่น้องของท่านไม่ได้สนใจงานของท่าน คนใกล้ตัวก็เริ่มไม่เข้าใจท่าน ผลตอบแทนที่ได้ก็ไม่คุ้มเสีย ในที่สุดท่านก็ตายจากไป และท่านก็กลับมาแสดงแง่ลบทำรายบริษัท ที่ท่านทำว่าไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ หลอกลวง ไหนบอกไม่กี่เดือนสามารถสร้างรายได้เป็นแสน (_ _)" นี่ละครับยุคเก่า

2. ยุคใหม่ คือการทำงานแบบสร้างระบบ หวังผลระยะยาว มั่นคง และที่สำคัญระบบที่ท่านสร้างสามารถนำไปประยุคใช่้กับ ทุกธุรกิจที่ท่านเข้าร่วมได้ 100% ระบบที่ว่านี้คืออะไรละ ?? ระบบที่ว่านี้คือ " การให้ " ฮาๆๆๆ คนส่วนใหญ่ได้ยินคำนี้ก็หัวเราะดังๆออกมา บ้ารึป่าว มันง่ายเกินไป แต่ก็นั่นแหละคนส่วนใหญ่ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่พวกเขาต้องการนี่ พวกท่านรู้คนส่วนใหญ่ทำงานโดยใช้แนวความคิดที่ว่า ธนาคารให้ดอกเบียสูงๆกับฉันสิ แล้วฉันจึงจะฝากเงิน ซึ่งแน่นอนระบบที่ผมจะสอนท่านไม่ได้เป็นแบบนั้น ระบบของการให้ ไม่จำเป็นต้องง้อ ไม่ต้องขาย ไม่ต้องรีสรายชื่อ ผลตอบแทนที่ได้มหาศาลไม่สามารถประเมินได้ หลายท่านคงกำลังคิดขนาดนั้นเลย ระบบของการให้ ทำได้ขนาดนั้นเลย เอาอะไรมาวัด แล้วทำไมเราไม่เคยรู้ ถึงเคยได้ยินก็ไม่รู้จะสร้างยังไง ทำไม ทำไม ทำไม !!

คนที่เจอแต่ความล้มเหลวส่วนมาก พุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่พวกเขาต้องการ...เงิน...อำนาจ...การเอาเปรียบ แต่คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากพุ่ีงความสนใจไปยังสิ่งที่พวกเขา...กำลังให้...กำลังแบ่งปัน...หรืออะไรก็ตาม คำถามต่อมาคือแล้วเราจะไม่กลายเป็นปลาเล็ก โดนเอาเปรียบอย่างนั้นหรือ คำตอบคือไม่ พวกเราส่วนใหญ่โตขึ้นมาพร้่อมกับความเชื่อที่ว่าโลกเป็นสถานที่แห่งความจำกัดแทนที่จะเป็นสมบัติที่ไม่มีวันหมด...เป็นโลกแห่งการแข่งขันแทนที่จะเป็นโลกแห่งการสร้างสรรค์ร่วมกัน...

" You get the best out of others when you give the best of your self "
" คุณจะได้สิ่งที่ดีที่สุดของคนอื่น เมื่อคุณได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดของคุณไป "

แล้วอะไรละที่เราสามารถให้กับคนอื่นได้ คำตอบคือความรู้ครับ ไม่มีใครในโลกนี้รู้ทุกเรื่อง รวมทั้งผมเอง :P ผมมีหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ที่ท่านไม่ีรู้ ท่านเองก็มีหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ที่ผมไม่รู้ สิ่งเหล่านี้เองจึงเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ ให้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น แ้ล้วผลที่ว่าจะได้รับอย่างมหาศาลนั้น จะชี้วัดได้อย่างไร ชี้วัดจากการที่ท่านสามารถแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์ของท่านให้กับผู้คนได้เป็นจำนวนมากมายเท่าไร แล้วท่านจะทำยังไงละในการแบ่งปันความรู้ให้กับผู้คนจำนวนมาก ผมจะมาบอกความลับทั้งหมดในการสร้างระบบ ในบทความต่อไปเร็วๆนี้

ทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบ และวิธีการ หากท่านพบ ธุรกิจ mlm ที่ดีที่สุด ไหนที่มีองค์ประกอบครบแบบนี้จงอย่าทิ้งโอกาสในการเข้าไปศึกษา เรียนรู้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับตัวท่านเอง แล้วพบกับบทความ ความลับการสร้างระบบ "การให้" ที่คุณไม่รู้ หรือฝากอีเมลของเพื่อนๆไว้เพื่อรับ E-Book สอนการสร้างระบบต่างๆ อย่างต่อเนื่องครับ ทีมเรา Give&Rich จะสอนเพื่อนๆตั้งแต่ก้าว แรก จนเพื่อนๆสามารถสร้างระบบแห่งความสำเร็จได้เอง 100% ครับ


" จงอย่าทำสิ่งใดเพื่อแลกเงิน แต่จงทำสิ่งใดเพื่อแลกกับความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ "